[New Post] ทำอย่างไรให้ฝืนใจตัวเองออกไปปั่นจักรยานให้ได้แม้ขี้เกียจสุดๆ

ขี้เกียจออกกำลังกายจะทำยังไงดี

1. ตั้งใจจะปั่นไว้ล่วงหน้านานๆ วางแผนไว้ล่วงหน้า

มันยากมากที่เราจะออกไปปั่นแบบกะทันหัน ร่างกายและสมองจะหาทางยับยั้งเราไว้ด้วยอุปสรรคนานับประการด้วยข้ออ้างสารพัด ทั้งคนไม่พร้อม รถไม่พร้อม ไม่ได้เตรียมตัว ขาดนั่นขาดนี่ สารพันปัญหาที่ผุดขึ้นมาในสมอง แต่การวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆจะช่วยให้เราไม่มีข้ออ้างเหล่านี้ได้
พร๊อพเต็มๆช่วยท่านได้

2. แต่งชุดนักปั่น แต่งชุดออกกำลังกายช่วยท่านได้

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อละครับว่าการแต่งตัวมีผลต่อการตัดสินใจไปออกกำลังกายอย่างไม่น่าเชื่อ คล้ายกับมันทำงานกับจิตใต้สำนึกของเรา ว่าตอนนี้เราไม่ใช่เราแล้วนะแต่เราคือนักกีฬา คือคนที่กำลังจะไปออกกำลังกาย กว่าจะแต่งเสร็จก็ยุ่งยากพอควรแล้วถ้าไม่ไปออกกำลังกายนี่เสียหายเลยนะ เห็นมั้ยว่าการแต่งกายช่วยท่านได้จริง
ของมันต้องมีสำหรับคนรักสุขภาพ

3. มีเครื่องชั่งน้ำหนักไว้ใกล้ตัว

ถ้าขี้เกียจให้ชั่งน้ำหนักเลยครับ แล้วถามตัวเองดูว่าจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆหรอ ยิ่งถ้ามีการจดบันทึกน้ำหนักไว้เป็นระยะๆจะช่วยได้มาก เพราะจะพบว่าช่วงที่เราปั่นกับไม่ปั่นน้ำหนักมันขึ้นลงแตกต่างกันยังไง แค่นี้ก็ช่วยให้เราตัดสินใจได้ไม่ยากแล้ว

4. จอดจักรยานไว้ในที่ๆเห็นได้ง่าย

จักรยานที่ซื้อมาแต่ละคันไม่ใช่ถูกๆจริงๆไหมครับ ถ้าจะมีประโยชน์แค่ใช้ตากผ้าก็ไม่ใช่เรื่อง จอดมันไว้ในที่ๆเรามองเห็นได้บ่อยและเห็นได้ง่าย จะทำให้เรารู้สึกผิดที่ซื้อมาจอดทิ้งไว้เฉยๆจนสนิมจับ จนในที่สุดก็จะตัดสินใจไปปั่นหรือไม่ก็ขายจักรยานนั้นทิ้งไปเลย ขอให้เลือกแบบแรกกันนะครับ
Smart Band ราคาไม่แพง

5. ลงทุนซื้อ Smart Band หรือ Smart Watch

Gadget พวกนี้จะมี Function เพื่อสุขภาพแทบทั้งสิ้น ทุกยี่ห้อจะมีฟังก์ชั่นติดตามการออกกำลังกาย จับจังหวะการเต้นของหัวใจ หรือแม้แต่วัดค่าอ๊อกซิเจนในกระแสเลือด ตรวจสุขภาพการนอนหลับ วัดปริมาณแคลลอรี่ที่เผาผลาญจากการออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยให้เรารู้ว่าปั่นแต่ละครั้งเราได้ประโยชน์อะไรแบบเป็นรูปธรรม ช่วยให้เราอยากปั่นและรู้สึกสนุกด้วยครับ

เพื่อนๆมีเทคนิคการแงะตัวเองออกไปปั่นยังไงมาแชร์กันที่คอมเม้นด้านล่างได้เลยนะครับผม มาออกกำลังกายกันครับ ฮึบๆๆ
5 itong2go: 2019 ขี้เกียจออกกำลังกายจะทำยังไงดี 1. ตั้งใจจะปั่นไว้ล่วงหน้านานๆ วางแผนไว้ล่วงหน้า มันยากมากที่เราจะออกไปปั่นแบบกะทันหัน ร่างกายและสมองจะ...

[New Post] รีวิวชีวิตที่ลบแอพ Facebook ออกจากมือถือเป็นอย่างไรบ้าง


คือวันๆนึงผมจะได้เปิดคอมประมาณสองครั้ง และก็มีโอกาสเข้าเฟซบุ๊คแค่นี้แหละ แต่อยากจะบอกว่าชีวิตที่ไม่มีแอพนี้ในมือถือเราเจออะไรบ้าง

1. แอบเข้าเฟซผ่าน Browser บ่อยมาก 

ในที่นี้คือ Safari ก็เข้าบ่อยนะประมาณสองชั่วโมงครั้งโดยเฉพาะเมื่อตอนเพิ่งโพสอะไรไป ใจมันอยากดูว่ามีใครมากดไลค์กดเม้นท์อะไรเราบ้าง เออ เราว่าเรารู้ทันนะแต่แม่งก็อยากรู้ป่าววะ แต่รวมๆก็รูดดูมือถือน้อยลงนะเพราะมันไม่สะดวก

2. มีเวลามองสิ่งรอบตัวเยอะขึ้น 

อันนี้พูดเหมือนกระแดะ ที่จริงแล้วคือมันจริง คือพอไม่มองจอ มันก็ต้องมองอย่างอื่นป่าววะ มันก็ได้เห็นสิ่งรอบข้างรอบตัวไง ชาวบ้านตลาดร้านช่องเขาทำอะไรยังไง ได้เห็นจริงๆและก็ได้อะไรมาใช้กับงานเยอะด้วย

3. มีเวลาไปสนใจแอพอื่นๆ 

พูดเหมือนกวนตีนแต่เราไปสนใจแอพอื่นจริงๆทำให้รู้ว่ามันยังมีแอพอื่นที่น่าสนใจบนโลกนี้นะเว้ยนอกจากของ facebook เช่น Zoom (ประชุมออนไลน์), Hangout (ประชุมและแชทจากกูเกิ้ล), Tiktok อันนี้โหลดมาแล้วยังไม่ได้เล่น ถามลูกบอกว่าวัยรุ่นเขาเล่นกันเยอะ

4. รู้เรื่องคนอื่นน้อยลง

เฟซบุ๊คมันทำให้เราสนใจเรื่องของคนอื่นทั้งนั้นเลย ลองดูดีๆถ้าไม่นับพวกเพจที่มีสาระมันจะเป็นเรื่องของคนอื่นแทบทั้งหมด ข้อดีคือมันเอาไว้ connect คนที่เราห่วงใยอยากรู้ข่าวคราว แต่คนรอบตัวที่เราห่วงใยจริงๆไม่น่ามีถึงหลายพันคนนะ และถ้าอยากรู้ข่าวคราวหรือคิดถึงกันจริงๆการโทรหากันก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว โดยเฉพาะสมัยนี้ที่ใครๆไม่ค่อยจะโทรหากันแล้ว

5. พอลบแอพ Facebook ออกก็เลยลบ twitter ออกไปด้วย

เรื่องมันก็พอกัน คือเป็นเรื่องเดียวกันนั่นแหละ พอลบไปได้สักพักเราก็จะเริ่มมาดูแล้วว่ามีอะไรที่คอยดูดเวลาของเราไปอีก อะไรที่มันทำให้เรามัวแต่รูดมือถืออยากรู้เรื่องของคนอื่น อยากรู้ความคิดของคนอื่น แต่ลืมคิดไปว่าการรู้เรื่องของเราเอง การรู้ตัว การรู้ความคิดของตัวเองสำคัญกว่า นั่นแหละแอพ twitter ก็เลยพลอยซวยโดนลบไปด้วย

ก็ประมาณนี้แหละครับ ลบไปได้เป็นเดือนละ และก็คิดว่าคงไม่โหลดมาใส่แล้วถ้าไม่มีอะไรจำเป็นจริงๆ ถ้าจะเล่นเฟซบุ๊คก็จะเปิดผ่านทางคอมหรือโน๊ตบุ๊คเอา ใครสนใจลองทำดูได้นะครับ ลองเป็นคนส่วนน้อยที่เงยหน้ามองไปรอบๆสังคมที่ใครๆก็ก้มหน้ากันดูครับ
5 itong2go: 2019 คือวันๆนึงผมจะได้เปิดคอมประมาณสองครั้ง และก็มีโอกาสเข้าเฟซบุ๊คแค่นี้แหละ แต่อยากจะบอกว่าชีวิตที่ไม่มีแอพนี้ในมือถือเราเจออะไรบ้าง 1. แ...

[New Post] รวมเรื่องแปลกๆที่เคยเจอตั้งแต่ทำ Airbnb มาสองปีกว่า

เคยเจอเรื่องแปลกๆประหลาดๆกันบ้างมั้ยครับ

ก่อนทำ airbnb ผมไม่เคยทำธุรกิจที่พักมาก่อนเลย ถือว่าเป็นมือใหม่มากๆสำหรับธุรกิจนี้ ก็ถือว่าทำไปเรียนรู้ไป เรียกว่า Learning by doing กันเลยทีเดียว วันนี้จะมาแบ่งปันเรื่องแปลกๆที่ผมเจอนะครับ ว่ามีอะไรบ้างแล้วมันแปลกยังไง

1. แขกขอล้างแอร์

อันนี้เป็นคนไทยครับ มาพักเมื่อไม่นานนี้เองมาเป็นครอบครัวมีอายุพอสมควรขับรถมากันเอง พอเช็คอินช่วงบ่ายๆเขาก็นอนพักผ่อน พอได้สักพักคนผู้ชายน่าจะเป็นลูกชายก็ถอดแผ่นกรองแอร์มาล้างที่หน้าบ้าน ไม่ได้ถอดมาเครื่องเดียว แต่ถอดมาทั้งสามเครื่อง

แอร์ในบ้านนี้ก็เพิ่งล้างไปได้ไม่นาน เราก็สงสัยเลยถามเขาว่าแอร์มันไม่เย็นหรอ เขาก็ว่าเย็นแต่มันไม่ฉ่ำ และเขาก็ถนัดเกี่ยวกับแอร์เลยถอดล้างเองซะเลย เออ เราก็แปลกใจ เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นคนไปนอนที่พักแล้วล้างแอร์เอง

2. แขกปีนเข้าบ้านทางชั้นสอง

อันนี้จำได้ดีเลย แขกเป็นคนจีนวัยรุ่นชายหญิงมากันหกคนเช่ารถขับกันเอง กลุ่มนี้เสียงดังตั้งแต่เช็คอินเลยคือแนวโน้มวุ่นวายตั้งแต่เข้าพักเลยทีเดียว ตกเย็นก็ขับรถออกไปเที่ยวกัน ดูเหมือนว่าปกติดีไม่มีอะไร

ดึกๆประมาณตีสาม ผมนอนอยู่บ้านติดกันได้ยินเสียงรถถอยเข้าๆออกๆตรงหน้าบ้านเลยลุกขึ้นดู ปรากฏว่าแขกพยายามจะถอยรถมาชิดหน้าบ้านที่พักแล้วจะเหยียบรถแล้วปีนขึ้นตรงระเบียงชั้นสอง เราบอกเฮ้ยทำไรกัน เขาก็พูดเป็นภาษาจีนฟังกันไม่รู้เรื่อง รู้แค่ว่าเข้าบ้านไม่ได้ทำกุญแจบ้านหาย สุดท้ายเราบอกเอารถไปจอดดีๆเดี๋ยวเอากุญแจสำรองเปิดให้ วุ่นวายจนเกือบเช้า

3. แขกออกบ้านไม่ได้ต้องปีนไปขอออกบ้านข้างๆแทน

ไม่แน่ใจว่าเป็นกลุ่มเดียวกับข้อข้างบนหรือเปล่า แต่จำได้ว่าเป็นคนชาติเดียวกันแน่ๆ เรื่องคือแขกมากันหกคนเช่ารถขับเอง ตกเย็นก็ออกไปเที่ยว ปัญหาคือ มาหกคน ออกไปเที่ยวสามคน แล้วก็ล็อคประตูขังคนในบ้านไว้ คนที่อยู่ก็ออกไปไหนไม่ได้

ดึกๆมากลุ่มที่อยู่บ้านก็อยากจะออกไปข้างนอกบ้าง ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยปีนระเบียงไปบ้านข้างๆ เคาะห้องนอนของเขาแล้วก็ขอใช้เป็นทางผ่านเพื่อลงไปข้างล่างแล้วออกไปข้างนอก อันนี้ร้ายแรงมาก ผมขอโทษเพื่อนบ้านอยู่เป็นเดือนๆ เพื่อนบ้านก็ใจดีมากไม่เอาเรื่องอะไรแถมยังบอกว่ากลัวแขกเราจะไม่พอใจอีก เออ เอาเข้าไป

4. แขกไม่ยอมเช็คเอาท์

แขกชาติเดิมอีกแล้วครับท่าน คราวนี้มาแปลก ไม่ค่อยสื่อสารอะไร ส่งข้อความไปไม่เคยตอบ มาพักก็เงียบๆออกไปข้างนอกกลับมาก็อยู่เงียบๆ พอวันจะเช็คเอาท์เราก็ส่งข้อความไปหาว่าจะออกกี่โมงปกติเวลาเช็คเอาท์ของเราคือตอนเที่ยง

เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เปิดเข้าดูในบ้านก็ยังมีข้าวของเครื่องใช้กระเป๋าเดินทางก็ยังไม่ได้เก็บ อารมณ์เหมือนไม่รู้ว่าต้องออกวันนี้ เราก็ไม่กล้าไปยุ่งกับของๆเค้า โชคดีว่าวันนี้ไม่มีแขกเข้าต่อแต่ก็เสียเวลาแม่บ้านมารอทำความสะอาด สรุปคือ แขกบอกว่าเข้าใจว่าเช็คเอาท์เที่ยงคืน (บ้าป่าวมีที่ไหนเขาเช็คเอาท์เวลานี้) ประมาณห้าทุ่มก็กลับมาเก็บของออกกันไป

5. แขกไม่ออกไปไหนเลย

จำไม่ได้ว่าเป็นคนชาติอะไร แต่คือจองบ้านมาเพื่อมาอยู่จริงๆเลย ออกไปแค่ซื้อของมาทำอาหาร แล้วก็ทำอาหารจริงจังทุกมื้อ คือเหมือนย้ายที่อยู่จากประเทศตัวเองมาอยู่เชียงใหม่ มันก็น่าแปลกนะ เชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว แต่นี่คือมาแล้วไม่ไปเที่ยวไหนเลย อยู่จนครบกำหนดก็เช็คเอาท์ออกไปตามปกติ เออ แบบนี้ก็มี เราก็ไม่มีปัญหานะ ได้หมดจะอยู่ตลอดหรือจะออกเที่ยวทั้งวันก็ได้หมด

สนใจจองมาพักบ้านเรากันได้ตามลิงค์นี้เลยจ้า https://www.airbnb.com/rooms/19509439

5 itong2go: 2019 เคยเจอเรื่องแปลกๆประหลาดๆกันบ้างมั้ยครับ ก่อนทำ airbnb ผมไม่เคยทำธุรกิจที่พักมาก่อนเลย ถือว่าเป็นมือใหม่มากๆสำหรับธุรกิจนี้ ก็ถือว่าทำไ...

5 ไอเดียเพิ่มรายได้ให้กับที่พัก airbnb ของเราเอง

5 ไอเดียเพิ่มรายได้ให้กับที่พัก airbnb ของเราเอง
มาถึงเวลานี้คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก Airbnb บริการที่ให้เราสามารถเปิดบ้านของตัวเองเพื่อหารายได้จากการต้อนรับแขกมาเข้าพักได้จากทั่วโลก หลายๆคนอาจะเคยใช้บริการ Airbnb มาแล้ว ในขณะที่อีกหลายคนในหลายพื้นที่ต่างก็ผันตัวเองเป็น Host ทำบ้านขึ้นขายเพื่อทำรายได้บน Platform Airbnb
หลายๆครั้งด้วยการแข่งขันด้านราคาที่ดุเดือดเพราะจำนวน Host ที่มากขึ้นทุกวัน ทำให้รายได้ของ Host ทั้งหลายไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง วันนี้มาลองดูกันว่า ถ้าหากเราอยากจะเพิ่มรายได้ให้กับที่พักของเรานั้น จะมีวิธีไหนบ้าง มาดูกันเลย (หลายท่ายอาจมีไอเดียอื่นๆนอกจากที่ผมเขียน ก็สามารถมาคอมเม้นพูดคุยกันด้านล่างได้นะครับ)

1. Set Up Smart Pricing

วิธีการนี้ง่ายที่สุดและทำได้เลย ใครยังไม่เคยต้องลองดูนะครับ ระบบนี้จะทำงานโดยให้เราเลือกราคาต่ำสุดที่เรารับได้ กับราคาสูงสุดที่เราต้องการ จากนั้นระบบก็จะคำนวณหาความต้องการจองที่พักในพื้นที่ของเรา หากมีความต้องการสูงระบบจะปรับราคาขึ้นให้โดยอัตโนมัติ หากมีความต้องการน้อย ระบบก็จะปรับลงมาเป็นราคาต่ำสุดที่เราตั้งไว้
ผมลองทำและเข้าไปดูพบว่า ช่วงเทศกาลหรือช่วงสิ้นปี ระบบจะตั้งราคาสูงรอไว้เลย เนื่องจาก Airbnb เขาทราบดีอยู่แล้วว่าในช่วงนั้นมีความต้องการจองห้องพักสูง ดังนั้นก็จะปรับราคาขึ้นให้สำหรับ Host ที่ใช้ระบบ Smart Pricing นั่นเองครับ
Smart Pricing

2. คิดค่าบริการ Airport Pick Up/ Drop Off

ปัญหายอดฮิตของนักเดินทางคือลงเครื่องแล้วไปที่พักไม่ถูก และก็เกรงว่าจะสื่อสารกับแท๊กซี่หรือรถประจำทางไม่รู้เรื่องประกอบกับว่าตัวเองก็ไม่รู้เส้นทาง หลายครั้งแขกก็มักจะถามว่าที่พักของเรามีบริการรับ-ส่งสนามบินด้วยหรือไม่ ในกรณีนี้เราสามารถแจ้งแขกขอคิดค่าบริการ Extra Charge ต่างหากได้ ซึ่งก็เท่ากับว่าแทนที่แขกจะต้องจ่ายค่าแท๊กซี่รับส่งสนามบิน รายได้ส่วนนี้ก็จะเป็นของเราแทน

3. ดีลกับร้านรถเช่า ร้านมอเตอร์ไซค์เช่าเอาไว้ก่อน

แขกจำนวนไม่น้อยที่เมื่อเข้าพักแล้วหรือก่อนจะเข้าพักมักจะถามหารถเช่า มีทั้งถามหารถยนต์เช่า มอเตอร์ไซค์เช่า หรือแม้แต่จักรยานให้เช่า ซึ่งสมัยนี้มีบริการที่ดีขึ้นกว่าเดิมมากเพราะหลายๆร้านเขาจะนำรถมาส่งให้ถึงที่พักและมารับรถกลับจากที่พักเอง ซึ่งตรงนี้ถือว่าอำนวยความสะดวกและสร้างความประทับใจให้กับแขกอย่างมาก หากเราติดต่อร้านเหล่านี้ไว้ เมื่อแขกถามว่าแนะนำเจ้าไหนดี เราก็แจ้งร้านให้นำรถมาให้แขก ร้านก็จะมีค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ (ค่าน้ำ) ให้กับเราตามที่ได้ตกลงกันไว้
Car Rental

4. ส่งแขกให้กับทริปหรือทัวร์ต่างๆ

หลายๆครั้งที่แขกมักจะขอให้บรรดา Host ช่วยแนะนำที่เที่ยว แนะนำทริป แนะนำทัวร์ต่างๆให้ อารมณ์ว่าถามจากเจ้าถิ่นน่าจะได้ข้อมูลที่ดีกว่า แน่นอนว่าทางผู้ประกอบการจะมีค่าคอมมิชชั่นให้เมื่อแขกซื้อทริปหรือทัวร์ที่เราแนะนำ เราอาจจะดีลกับทัวร์ต่างๆให้มาวางโบรชัวร์แผ่นพับไว้ที่บ้านของเราเมื่อแขกเห็นก็จะหยิบดูและอาจจะทำการจองได้
แต่ยุค 4.0 แบบนี้มีอะไรที่ง่ายกว่านั้น เพราะมีเว็บไซต์ที่รวบรวมเอาทริปเอาทัวร์ทั้งหลายที่น่าสนใจมารวมไว้ในที่เดียว เวลาลูกค้าถาม เราก็แนะนำให้เข้าไปดูในเว็บไซต์ดังกล่าว พอลูกค้าจะจองเราก็บอกว่าให้ใส่โค้ดรหัสบ้านของเรา (เว็บเหล่านี้เขาจะ Gen Code ให้แต่ละหลังไม่ซ้ำกัน เพื่อจะได้จ่ายค่าคอมมิชชั่นได้ถูก) พอลูกค้าจองและไปเที่ยวเสร็จแล้ว เว็บไซต์ก็จะโอนค่าคอมมาให้เราตามเลขบัญชีที่เราได้ให้ไว้ ง่ายและสะดวกสุดๆ ตัวอย่างเว็บเหล่านี้ก็เช่นเว็บ Tripzii.co เว็บนี้มีเจ้าหน้าที่คนไทยคอยอำนวยความสะดวก สนใจลองโทรสอบถามก่อนที่ 064-9615978
Tripzii.co

5. ขายสินค้าหรือของที่ระลึกภายในที่พัก

ไม้ตายสุดท้ายที่จะเพิ่มรายได้คือ การขายของกันดื้อๆนี่แหละ ถ้าสินค้ามีราคาไม่สูงนักเราอาจทำกล่องใส่เงินให้ลูกค้าหยอดเงินทิ้งไว้โดยเราไม่ต้องไปตามเก็บ ตัวอย่างเช่น ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม เบียร์ต่างๆ โดยเราอาจแช่เครื่องดื่มไว้ในตู้เย็นและติดราคาบอกที่หน้าตู้ พร้อมทำกล่องใส่เงินไว้หลังตู้เย็นก็เป็นวิธีที่สะดวก
หากสินค้ามีราคาสูง เช่น ของที่ระลึกราคาแพง เครื่องประดับต่างๆ เราอาจใส่ไว้ในตู้โชว์พร้อมติดราคาสินค้าแต่ละชิ้นไว้ จากนั้นก็ล๊อคตู้เอาไว้ เขียนบอกไว้ว่าถ้าสนใจอยากจะซื้อให้ติดต่อเราได้นะแล้วจะมาเปิดตู้ให้ กรณีนี้เราอาจจะได้ขายของและได้ของประดับตกแต่งบ้านไปในตัว

————————-
จบแล้วสำหรับไอเดียเพิ่มรายได้ให้กับที่พักของเรา ใครอ่านแล้วชอบใจฝากกดไลค์กดแชร์เพื่อให้กำลังใจกันด้วย ส่วนใครที่มีไอเดียเพิ่มรายได้แบบอื่นๆเอามาแชร์กันได้ในคอมเม้นท์ด้านล่างบทความเลยจ้า
5 itong2go: 2019 5 ไอเดียเพิ่มรายได้ให้กับที่พัก airbnb ของเราเอง มาถึงเวลานี้คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก Airbnb บริการที่ให้เราสามารถเปิดบ้านของตัวเองเพื่อหา...

5 เหตุผลที่นักท่องเที่ยวควรจอง Trip ออนไลน์ล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง

การเดินทางท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่หลายคนไฝ่ฝัน

1. จะได้มีเวลาค้นหาทริปที่เหมาะกับเราที่สุด

เคยทำอะไรตอนรีบๆเร่งๆมั้ยครับ มันลนลานมันรีบร้อนไปหมด อันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเราจองทริปล่วงหน้าแต่เนิ่นๆเราก็มีเวลาเลือกนั่นนี่ได้อย่างสบายใจ แต่ถ้ารีบล่ะก็เปิดในเน็ตดูได้ไม่กี่ทริปก็ต้องจองแล้ว ทำให้อาจจะพลาดทริปที่เหมาะกับเราที่สุดหรือเราชอบมากที่สุดไปได้ง่ายๆอย่างน่าเสียดาย

2. มีเวลาหาข้อเสนอที่ดีที่สุด (Best Deal)

เงินของใครๆก็หวง จะใช้เงินเที่ยวทั้งทีมันก็ต้องให้คุ้มค่าคุ้มราคา ถ้าเราจองทริปตั้งแต่เนิ่นๆเราก็มีเวลาเปรียบเทียบหาข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง และที่สำคัญยังอาจต่อรองกับเว็บไซต์หรือเอเจนซี่ที่เราจองได้ด้วย ถ้าไม่ได้ส่วนลดต่อรองเอาของแถมได้ก็ยังดี (เคล็ดลับคือ ใดๆบนโลกนี้ล้วนต่อรองได้หมด อย่ากลัวที่จะเจรจา)

3. ประหยัดเงิน

ก็แน่นอนสิเราจองล่วงหน้าทำให้เรามีเวลาเปรียบเทียบหาเจ้าที่ราคาดีที่สุดในทริปแบบเดียวกัน ขอเล่าให้ฟังว่า ปีที่แล้วผู้เขียนเดินทางไปเที่ยวไต้หวัน และก็หาทริปขึ้นไปเที่ยวบนตึก Taipei101 ปรากฏว่ามีหลายราคามากๆ เราก็เลือกๆดูแต่เราไม่ได้เลือกแบบถูกที่สุดนะ เราเลือกเอาแบบมี Fast Lane คือไม่ต้องต่อแถว ซึ่งแบบที่เราเลือกก็คือ Fast Lane ที่ราคาดีที่สุดนั่นเอง

4. ประหยัดเวลา

ตรงนี้คือประหยัดเวลาตอนที่เราไปเที่ยวแล้วต้องมามัวจองทริปนั่นนี่ระหว่างการเดินทาง เพราะใครก็รู้อยู่แล้วว่าเวลาในการท่องเที่ยวของเรามันมีจำกัด แต่เวลาเตรียมตัวเรามีได้ไม่จำกัด เมื่อเราจองทริปล่วงหน้าก็ทำให้เรามีเวลาจดจ่ออยู่กับการท่องเที่ยวของเราได้มากกว่านั่นเอง

5. ได้ท่องเที่ยวอย่างสบายใจ

แน่นอนว่าเวลาไปเที่ยวเราก็ต้องการสนุก ต้องการได้รับประสบการณ์ ต้องการสัมผัสวัฒนธรรม รู้จักผู้คนใหม่ๆ ทั้งหมดนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยหากมัวแต่กังวลกับการมามัวจองทริปจองทัวร์ มัวต้องมาหาข้อมูลเปรียบเทียบทริปทัวร์ต่างๆ การท่องเที่ยวที่ดีเราควรต้องได้เงยหน้ามองทิวทัศน์ข้างทางมากกว่ามัวแต่มองดูมือถือ และนั่นก็คือเหตุผลที่เราควรจองทริปล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ

สรุปและขายของ

ได้รู้ถึงข้อดีและประโยชน์ของการจองทริปจองทัวร์ล่วงหน้ากันแล้ว ครั้งหน้าเวลาจะจองก็ให้เข้าเว็บนี้ก่อนเลย Tripzii.co สุดยอดเว็บจองทริปเจ๋งๆทัวร์โดนๆแบบที่คัดมาแล้ว แปลว่าเข้าไปในเว็บนี้จิ้มโดนทริปไหนจองได้เลยไม่ต้องเลือก เพราะเขาคัดมาให้คุณแล้ว การันตีคุณภาพดีแน่นอนเพราะพี่เขาเอาตัวเองไปลองเล่นจริงเจ็บจริงแล้วถึงคัดมาขายให้เรา ลองกดเข้าไปดูกันที่ Tripzii.co ถ้าสงสัยอะไรเขามี online chat ให้ถามกันสดๆได้เลย ถามได้ ตอบได้ ขอลดราคา เขาจะให้หรือเปล่า อันนี้ไม่รู้นะต้องคุยกันเอง จบละจ้า ไปละจ้า ติดตามตอนต่อไปนะ จะเขียนให้อ่านกันเรื่อยๆจ้า // เฮียโก

5 itong2go: 2019 การเดินทางท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่หลายคนไฝ่ฝัน 1. จะได้มีเวลาค้นหาทริปที่เหมาะกับเราที่สุด เคยทำอะไรตอนรีบๆเร่งๆมั้ยครับ มันลนลานมันร...

อะไรที่เหมาะกับเรา - What is suit for you?

รถสามล้อก็เหมาะกับเราดีนะ

ผมมักถามตัวเองบ่อยๆ เวลาพบเห็นผู้คนดิ้นรนอยากเป็นเจ้าของสิ่งนั้นสิ่งนี้ แลกกับการต้องทำงานมากๆเพื่อให้ได้เงินเยอะๆไปซื้อของที่ต้องการ ผมไม่ได้ต่อต้านการมีเงินมากๆนะ มันดีเลยแหละ เงินมันช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น มีทางเลือกมากขึ้น แต่การมุ่งหาเงินอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบของชีวิตหรอก อย่างน้อยผมก็คิดแบบนั้น

เรามีอะไร

ผมมักถามตัวเองและสำรวจตัวเองบ่อยๆว่าเรามีอะไรอยู่แล้วบ้าง แล้วจำเป็นจะต้องมีใหม่หรือมีเพิ่มหรือต้องอัพเกรดหรือเปล่า การมองแบบนี้ทำให้ผมพบว่าผมไม่ได้ขาดอะไร ผมมีสิ่งที่จำเป็นต้องมีครบถ้วนแล้ว คนที่เดือดร้อนกว่าผมยังมีอีกเยอะแยะ มาดูกันว่าผมมีอะไรบ้าง

- รถหนึ่งคันจุได้ทุกคนในครอบครัว
- มอเตอร์ไซค์หนึ่งคันไว้ขี่ไปทำงาน
- จักรยานสี่คัน
- บ้านทาวเฮ้าส์หนึ่งหลังไว้อยู่อาศัย อีกหลังปล่อยไว้เช่ากับเอาไว้ค้ำประกันเงินกู้บริษัท
- กางเกงขาสั้นสามตัว ไว้ใส่สลับกันไปทำงาน
- กางเกงขายาวไม่มีเลย หนาวนี้ต้องซื้อสักตัวแล้วล่ะ
- เสื้อยืดสีดำหกเจ็ดตัว เสื้อเชิ๊ตมีสองตัวมั้ง เสื้อสูทหนึ่งตัวเคยใส่ครั้งเดียว
- รองเท้าผ้าใบหนึ่งคู่ใส่ทั้งทำงานและออกกำลังกาย
- ไอแมคหนึ่งเครื่องเอาไว้ทำงานที่บ้าน จอใหญ่สะดวกดี
- แมคบุ๊คแอร์หนึ่งเครื่องไว้พกไปทำงานข้างนอก ชอบที่มันเบาดีไม่ปวดหลัง
- ไอโฟนเจ็ดพลัสหนึ่งเครื่องไว้ใช้ทำงาน ลูกชอบเอาไปเล่นเกม อ้อ ละมีหูฟังดีๆอันนึงไว้ใช้ด้วย
- กระเป๋าเงินเล็กๆใบนึงไว้ใส่บัตรต่างๆ ทั้งตัวมีสามบัตร เครดิตหนึ่ง เอทีเอ็มหนึ่ง ปชช.หนึ่ง


เราต้องการอะไร

ผมลองนั่งคิดทบทวนดูแล้วพบว่า ผมไม่ได้ต้องการสิ่งของอะไรมากนัก พบว่าจะรำคาญตัวเองถ้าต้องพกต้องดูแลของเยอะ พบว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะกังวล น่าจะเอาเวลาไปใส่ใจกับเรื่องที่สำคัญกว่า

ถ้าถามจริงๆว่าอยากได้อะไร มือถือรุ่นล่าสุดหรอก็ไม่นะ รถแพงๆก็ไม่นะ ที่จริงเกลียดการมีรถด้วยซ้ำไป ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนต้องขับรถต้องมีรถ นาฬิกาหรอก็ไม่อยากได้ ขี้เกียจดูแล แต่ทุกวันนี้ก็ใส่ Mi Band3 นะราคาประมาณห้าร้อยบาท อันเล็กๆเหมือนสายรัดข้อมือเอาไว้ใช้เวลาออกกำลังกาย

สรุปถ้ามีสิ่งที่อยากได้จริงๆ คืออยากไปเที่ยวประเทศที่มันหนาวๆ อยากพาลูกพาครอบครัวไปเที่ยวไปอยู่นานๆ

เราจำเป็นต้องมีมันหรือเปล่า

การไปเที่ยวที่จริงก็ไม่ได้จำเป็นนะ แต่ในแง่นึงการไปเที่ยวแบบ travel จริงๆมันจะทำให้เราเติบโตขึ้น เป็นการเรียนรู้อีกรูปแบบหนึ่งนอกจากการเรียนปกติ ทุกครั้งที่ไปเที่ยวกลับมาผมมักจะได้ไอเดียใหม่มาใช้เสมอ อยากสอนลูกๆให้รู้จักการท่องเที่ยว การช่วยเหลือตัวเองเวลาอยู่ต่างประเทศ การฝึกภาษา การเตรียมตัว สรุปคือ การไปเที่ยวเนี่ยถ้าไปได้ก็ควรจะไปเลยล่ะ


อะไรเหมาะสมกับเราที่สุด

บล็อกตอนนี้เวิ่นเว้อเหมือนกันนะเนี่ย เหมือนจะเขียนเพื่อย้ำเตือนตัวเองว่า มึงอย่าเยอะๆ555 ทั้งที่ปกติก็น้อยมากๆอยู่แล้ว เป้าหมายของผมคือ ต้องการจะมีสิ่งของน้อยที่สุด ใช้ชีวิตธรรมดาเรียบง่ายที่สุด แต่สร้างสรรค์ผลงานที่ดีที่สุดและสุดยอดออกมา สิ่งของไม่ต้องเยอะแต่ผลงานต้องยอดเยี่ยมเท่านั้นครับ
5 itong2go: 2019 รถสามล้อก็เหมาะกับเราดีนะ ผมมักถามตัวเองบ่อยๆ เวลาพบเห็นผู้คนดิ้นรนอยากเป็นเจ้าของสิ่งนั้นสิ่งนี้ แลกกับการต้องทำงานมากๆเพื่อให้ได้เงิน...

หายไปไหนมาทำไมไม่เขียนบล็อกตั้งหกเดือน!!

ชีวิตบนรถไฟฟ้าตอนชั่วโมงเร่งด่วนของคนกทม.

เป็นเวลากว่าหกเดือนที่ห่างหายไปจากการอัพเดทบล็อก จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะอัพอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง ย้อนมาดูพบว่าอัพเดทล่าสุดคือเดือนมีนาคม ตอนนี้คือเดือนกันยายน หกเดือนคุณหายไปไหน

อันนี้จะเล่าเหมือนเล่าให้เพื่อนกันฟังก็แล้วกันนะ คงไม่ได้แบ่งเป็นข้อๆเป็นประเด็นอะไร

เริ่มคือช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม เป็นช่วงเดือนที่เราย้ายออฟฟิศกัน แล้วออฟฟิศใหม่ (ร้านฟ้าธานี) ก็ยังไม่เรียบร้อย ส่งผลให้พวกเราเป็น Digital Nomad กันแบบไม่ตั้งใจคือ ไม่มีออฟฟิศอยู่ ก็หกระเหเร่ร่อนกันไปตามร้านกาแฟ ตาม co-working space ต่างๆ จะประชุมกันที่ก็ต้องนัดหมายให้ดี ส่วนมากเราจะนั่งทำงานกันที่ CAMP และ Tiger Ted เป็นหลัก นั่นคือความวุ่นวายที่หนึ่ง

พอเริ่มเปิดร้านคือเดือนเมษายน ก็วุ่นวายเพราะร้านยังไม่เรียบร้อย ออฟฟิศยังเข้าใช้ไม่ได้เต็มที่ ร้านก็ยังเปิดไม่เต็มที่ แถมยังมีปิดสงกรานต์ยาว ไม่พอตัวเราเองยังพาลูกๆไปทริปใต้หวันอีกกว่าครึ่งเดือน เด็กๆก็ปิดเทอมต้องใช้เวลากับพ่อแม่ นั่นคือความวุ่นวายที่สอง

พอเรากลับมาปลายเดือนสี่เข้าสู่เดือนห้า นั่นแปลว่าเข้าสู่หน้าโลว์ซี่ซั่นของเชียงใหม่แล้ว เอ้า!! ยุ่งสิ ยอดขายไม่ดีเลย เงินดันเอาไปลงที่ร้านซะเยอะจบติดลบ แล้วยังไงล่ะเนี่ย ต้องมาวุ่นดูเรื่องบัญชีการเงิน ต้องมากอบกู้สถานะการณ์การติดลบ เอาตัวเองเข้าแลกกับร้านที่จะต้องทำยอดให้ได้ เมาทุกวันครับ55 แถมยังต้องตื่นเช้าด้วยเพื่อมาร้านมาออฟฟิศ แต่ถึงอย่างงั้นแล้วการเงินก็ยังไม่ดีขึ้น นี่คือความวุ่นวายที่สาม

หลังจากเดือนห้ามาเดือนหกเจ็ดแปด ก็ถึงได้รับรู้ว่ายอดขายที่แท้จริงของร้านเป็นอย่างไร ประกอบกับยอดขายของออฟฟิศเป็นอย่างไร โอ้ พระเจ้าช่วยทอดกล้วยให้หน่อย เหมือนนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง คือแม่ง ok  พร้อมๆกันหมดเลย (ok แปลว่า ตกลง) คือมึงจะไม่ให้กูพักบ้างเลยใช่มั้ย555 #วุ่นวายที่4

แล้วในช่วงเดือน 5-8 ก็ดันมีลูกน้องที่ไม่คิดว่าจะลาออกก็ดันมาลาออกไปช่วยงานที่บ้านซะอย่างงั้น เฮ้ย คือกำลังทำงานเข้าขากันไง อ้าว ไปซะละ แล้วยังไงละเนี่ย ก็ต้องหาคนมาแทนตำแหน่งนี้ก็วุ่นวายกันไปอีก #วุ่นวายที่5

ช่วงหน้าโลว์จะเป็นช่วงที่เจ็บปวดมาก คือ มันจะมีงานพอสมควรแต่ไม่เยอะ ปัญหาคือมันจะได้เงินช้ามาก แล้วเงินก็จะติดลบไปเรื่อยๆ เพราะค่าใช้จ่ายคุณคงที่แต่รายได้สวิงไปมา งงมั้ย คือไม่มีอะไรแน่นอนเลย ปวดหัวจนอยากลาออกไปรับราชการ 555 #วุ่นวายที่หก

ช่วงเดือนแปด ลูกน้องที่เราว่ามันต้องไปกับเรายาวๆแน่ๆมาลาออกอีกคนเพราะต้องไปช่วยงานที่บ้าน อะไรวะ!! อีกคนแล้ว (ย้อนไปดูความวุ่นวายที่ห้า) คือยังไงกันเนี่ย ทำไมไม่คุยกับที่บ้านมาแต่แรกว่าจะมาทำงานจริงจังนะ ไม่ได้มาเล่นๆ สรุปคือต้องไป เออ ตามนั้น เราต้องปรับแผนกันอีกแล้ว เหลือพวกเดนตายกันกี่ตัววะเนี่ย555 #วุ่นวายที่เจ็ด

ย่างเข้ามาถึงเดือนแปด สถานการณ์ที่ร้านก็ยังไม่ดีขึ้น ส่วนมากจะขายไม่ดี มีบางวันที่ขายดีแต่ยอดบิลกับยอดเงินก็ดันไม่ตรงกันอีก ง่ายๆคือ เงินหาย หายไม่น้อยด้วย อะไรอีกวะเนี่ย ยิ่งขายของก็ยิ่งขาดทุน ยิ่งขายดียิ่งติดลบเยอะ แล้วถ้าขายไม่ดีก็ยิ่งแย่ไปกันใหญ่ โอย ปัญหารอบด้าน #วุ่นวายที่แปด

ปัญหาเรื่องเงินสดของร้าน คือนายทุนเขาไม่ได้ให้เงินมาเพิ่มแล้ว จะใช้จ่ายเงินแบบมือเติบไม่ได้แล้ว ต้องขายของให้ได้เงินแล้วเอามาหมุนเวียนในร้าน คราวนี้ยิ่งยุ่งไปใหญ่เพราะร้านก็ไม่ใช่จะขายดีแล้วจะเอาเงินสดมาจากไหน มันงูกินหางชัดๆ ข้อดีก็คือเวลานี้แหละเป็นเวลาที่ทุกคนจะระดมสมองออกมาสุดๆเพราะคุณจะตายไม่ได้ คุณต้องรอด555 ในเลขห้ามีน้ำตาซ่อนอยู่ #วุ่นวายที่เก้า

ช่วงเดือนท้ายๆเดือนแปดต้นเดือนเก้าโกวิทยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่ ทั้งงานออฟฟิศรีวิวที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับเอเจนซี่กทม. ทีมที่ขาดหายไป การปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ปรับโครงสร้าง ร้านที่ต้องทำยอดขาย น้องพนักงานคาเฟ่ที่เข้าๆออกๆ สต๊อกที่ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง ห้องพักบนตึกที่ยังไม่แน่ว่าจะจัดการยังไง ลูกค้าที่มาพร้อมเรื่องวุ่นมหาศาล ลูกน้องที่แต่ละคนก็มีปัญหากันคนละแบบละอย่าง ไหนจะลูกๆ ไหนจะที่บ้าน ไหนจะ airbnb ที่ทำร่วมกับเพื่อนๆพี่ๆ #วุ่นวายที่สิบ

สรุปจ่ะ


คือที่เล่ามาเนี่ย ยังไม่ได้ลงรายละเอียดเลยนะ เอาคร่าวๆไปแบบนี้แล้วกัน ตอนนี้คือไม่มีอะไรเลย เล่าให้กันฟัง บอกต่อความเยอะ ถ้าชีวิตเลือกได้อย่าเยอะ555 น้อยๆเข้าไว้จัดการง่ายกว่านะเธอออออ

5 itong2go: 2019 ชีวิตบนรถไฟฟ้าตอนชั่วโมงเร่งด่วนของคนกทม. เป็นเวลากว่าหกเดือนที่ห่างหายไปจากการอัพเดทบล็อก จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะอัพอย่างน้อยเดือนละหนึ่ง...

#สรุปทริปกทม. 09/2019

ชีวิตดีๆที่ลงตัวของคนกทม.
- ตั๋วเครื่องบินไปกทม.ไม่แพงเลย ราคาประมาณรถทัวร์ ที่เสียมากกว่าคือค่าเบียร์ตอนรอขึ้นเครื่อง
- แท็กซี่กทม.ขับซิ่งไปนะ รีบมากจะทำรอบให้ได้ว่างั้น
- ช่วงเดือนนี้อากาศกทม.ไม่ได้แย่นะ มันแค่มีฝนตกบ่อยๆแต่ไม่ได้ร้อนมาก
- ค่าแท็กซี่และแกร็บพอๆกันนะ และมีครั้งนึงที่เรียกแกร็บแล้วแท็กซี่มารับ แสดงว่าแท็กซี่ปรับตัวใช้ทั้งสองแพลตฟอร์ม
- ถนนแจ้งวัฒนะรถติดมาก เลี่ยงได้ควรเลี่ยง
- เจอคนเก่งระดับเทพอายุ 26 ปีเท่านั้นเอง พูดอังกฤษอย่างกับเป็นภาษาเกิด ทำธุรกิจขยายไปทั่ว southeast asia โอยอะไรวะเนี่ย เชียงใหม่เหมือนเป็นขนมหวานไปเลย555
- ร้านอาหารที่กทม.ราคาสูงกว่าเชียงใหม่ อย่างร้านที่ไปนี้ก็ถือว่าแพงนะ ส้มตำจานละ 140 บาท ถือว่าไม่ปกติอย่างแรงสำหรับเชียงใหม่
- Connection สำคัญมากแต่ที่มากกว่าคือคุณต้องเก่งจริงต้องสุดในงานที่ทำ ต้องดีที่สุดเท่านั้นถึงจะเป็นตัวจริงและมีที่ยืน

* ต้นทุนคนเราไม่เท่ากัน แต่ความพยายามดิ้นรนถีบให้เราไปเท่ากันได้
* คนรู้ภาษาอังกฤษมีโอกาสในชีวิตมากกว่าคนไม่รู้
* คนสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนจะได้รับโอกาสมากกว่าคนหยิ่งผยองคิดว่าตัวเองเก่งแล้วดีแล้ว
* การได้รับความเอ็นดู การได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ก็สำคัญนะอย่าไปมองข้าม
* ทำความรู้จักกับผู้คนไว้ไม่เสียหาย คนที่มาเจอคุณก็คือคนที่คุณดึงดูดเข้ามาในชีวิต
* การทำงานใดๆควรใส่ใจรายละเอียดให้มาก ทำออกมาให้ดีที่สุดๆๆๆเท่าที่จะทำได้ ทำจนตัวเราเองไม่เห็นช่องโหว่ เพราะว่าเรายังเห็นแล้วคิดหรือว่าลูกค้าหรือคนอื่นจะไม่เห็น
* ทำรายการให้ใส่ใจกับนักแสดง หน้าตา การแต่งตัว อย่าให้หลุด ต้องการให้มีราคาก็ต้องใช้คนที่ดูมีราคาเหมาะสมกับแบรนด์ของลูกค้า
* ความคลุมเครือไม่ชัดเจนไม่มีข้อดีเลย
* Think Global, Act Local!!
* ถ้าไม่ต้องปากกัดตีนถีบ คุณก็ต้องมีความทะเยอทะยาน มีความกระหาย ไม่อย่างงั้นชีวิตคุณก็จะไปไม่ถึงไหน
* ชีวิตคนเชียงใหม่ต่างจาก กทม. มากๆ วิธีคิดวีธีการทำงานต่างกัน ถ้าอยากเก่งให้ไป กทม. อยากสบายชิวๆให้อยู่เชียงใหม่
* ทำธุรกิจต้องมีชั้นเชิง มีการต่อรอง อย่าหน่อมแน้ม อย่าโลกสวย
* เรื่องความรู้ โลกกทม.และเชียงใหม่ไม่ต่างกัน แต่เรื่องความเป็นมืออาชีพต่างกันมาก ที่เชียงใหม่เรื่อยๆก็ไปได้ ที่กทม.จะไม่มีที่ยืนให้คนไม่เก่ง ถ้าไม่จำเป็นหรือทำผลงานให้ทีมไม่ได้คุณจะไม่มีที่ยืน
* การเปิดร้านที่กทม.ใช้เงินเยอะกว่าเชียงใหม่มาก แต่ก็มีลูกค้ามากเช่นกัน คนกทม. “เดิน” ส่วนคนเชียงใหม่ “ไม่เดิน”
* ทำร้านที่เชียงใหม่ ที่จอดรถสำคัญมาก
* คนไทยไม่ยอมทำงานใช้แรงอีกแล้ว อย่างน้อยที่สุดคือต้องเป็น Manager
* การพูดคุยกับคนเก่งได้ความรู้ทางลัดยิ่งกว่าการอ่านหนังสือ แต่ไม่ใช่หนังสือทุกเล่มจะดีและเหมาะกับเรา เลือกคนที่คบและเลือกหนังสือที่อ่านให้ดี
* การพบเจอพูดคุยกันต่อหน้าดีกว่าการแชทหรือ video call
* ลูกค้าซื้อสิ่งที่เขาเห็นว่าเราเป็น อยากขายของแบบไหนราคาไหนให้ทำให้ลูกค้าเห็นเราแบบนั้น ภาพลักษณ์ราคาถูกจะขายราคาแพงไม่ได้
* โลกของคนเชียงใหม่ยังแคบมาก ยังติดกับดักความคิดของตัวเอง
* ที่ กทม. มีงาน มีเงิน แต่อาจไม่ได้มีความสุขความสงบ
* เรียนรู้ที่จะอยู่เชียงใหม่ แต่ทำงานและคิดอย่างคน กทม.
* การพูดเรื่องในอดีตมีแต่จะทำให้ทะเลาะบาดหมางใจกัน เหมือนคนขับรถที่มองแต่กระจกหลัง ยังไงก็ต้องเกิดอุบัติเหตุจนได้
* คนพูดเก่งอาจไม่ใช่คนทำงานเก่ง ตรวจสอบให้ดี ให้ดูที่ผลงาน
* ร้านอาหารดีๆเก่าแก่ คนแก่จะไม่ค่อยบอกต่อคนรุ่นใหม่ กลัวคนจะมาเยอะ
* การบอกคนอื่นว่าตัวเองเป็นคนปากหมาเป็นคนพูดตรงๆ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะพูดอะไรก็ได้ ไม่ว่ายังไงคุณต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเองอยู่ดี
5 itong2go: 2019 ชีวิตดีๆที่ลงตัวของคนกทม. - ตั๋วเครื่องบินไปกทม.ไม่แพงเลย ราคาประมาณรถทัวร์ ที่เสียมากกว่าคือค่าเบียร์ตอนรอขึ้นเครื่อง - แท็กซี่กทม.ขับ...

บันทึกวันที่ 17.3.62

โดนตำรวจจับครับ ข้อหาไม่พกใบขับขี่

เย็นนี้ต้องไปงานแต่งงานน้องอดีตทีมงานรีวิวเชียงใหม่
ตอนนี้น้องคนนี้ย้ายไปอยู่ภูเก็ต
แต่มีเพื่อนที่เชียงใหม่เยอะ
ก็เลยมาจัดงานเลี้ยงแต่งงานที่เชียงใหม่ด้วย
ยินดีต้อนรับน้อง
เข้าสู่ชมรมคนมีเมีย
แล้วชีวิตคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ฮ่าๆๆ
มันเป็นโลกที่คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า
ประเด็นคือ เข้ามาแล้วมันออกไม่ได้555

เมื่อคืนที่ผ่านมา เล่าเรื่อง Gentleman Jack ให้น้องๆฟัง
ว่าแล้วก็ค้นเรื่องมาอ่านอีกที
ใครยังไม่เคยอ่านได้ตรงนี้ https://www.itong2go.com/2016/02/gentleman-jack.html
เรื่องมันหลายปีมาแล้ว แต่ก็ยังเล่าได้ตลอด555

มีงานที่ท้าทายอีกมากที่อยากจะทำ
มีหลายสิ่งที่ยิ่งใหญ่และเซอร์ไพรส์กำลังจะตามมา
ผลงานมันดีตรงที่มันพูดแทนเรา
ตัวเราเองจะโม้ยังไงได้หมดแหละ
สุดท้ายผลงานมันจะพูดแทนเราทั้งหมด

อยากฝากอะไรไว้ให้โลกนี้ก็ทำได้เลย
การคิดถึงแต่ตัวเองมันน้อยเกินไป
คนเราควรคิดถึงตัวเองน้อยๆ
คิดถึงคนอื่นเยอะๆ
ไม่ต้องเป็นพระ ไม่ต้องเป็นนักบวช
ก็ทำอะไรเพื่อคนอื่นได้

แค่ยิ้ม อารมณ์ดีกับคนรอบตัว
ก็ถือว่าได้ให้อะไรกับโลกนี้แล้วนะ
ไม่ต้องยิ่งใหญ่หรอก
เริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆนั่นแหละ
คุณจะวิ่งได้ยังไง
ถ้าไม่หัดเดินเสียก่อน
5 itong2go: 2019 โดนตำรวจจับครับ ข้อหาไม่พกใบขับขี่ เย็นนี้ต้องไปงานแต่งงานน้องอดีตทีมงานรีวิวเชียงใหม่ ตอนนี้น้องคนนี้ย้ายไปอยู่ภูเก็ต แต่มีเพื่อนที่...

บันทึกวันที่ 6.3.62

ชีวิตตอนนี้ทำงานเยอะมากกกกกกกกก
มีธุรกิจใหม่ที่ต้องรับผิดชอบทั้ง RDA และโต๊ะแชร์รีวิวเชียงใหม่
ทั้งมีตึกฟ้าธานีที่กำลังจะเปิด
ทั้งโปรเจคบ้านโป่งน้อยสองที่กำลังจะสรุป
ทั้งไปเจอที่ใหม่แถวสันผีเสื้อก็อยากได้มาทำเป็นบ้านสวน

ชีวิตตอนนี้วุ่นวายพอสมควร
ส่วนมากจะเกิดจากการทำตัวเอง
ทั้งงานยุ่ง นอนน้อย กินเหล้าเยอะ
แต่ก็นั่นแหละ นับเป็นช่วงชีวิตที่สนุกมากๆ

รีบเคลียร์งานทั้งหลาย
ก่อนจะพาครอบครัวไปไต้หวัน
หลบสงกรานต์เมืองไทย
สิบกว่าวันไปอยู่ต่างประเทศ
เมืองไทยจ๋าพี่ขอลาก่อน
ถ้ายนังเล่นสงกรานต์กันแบบนี้
ทุกปีไม่เจอพี่กับลูกๆแน่
ทำโรงรถหน้าบ้านใหม่ เพื่อจะวางของเล่นสั่งทำพิเศษเพื่อตัวเล็ก ในรูปกำลังลองติดตั้งไฟเพื่อถ่ายคลิปบุคคลสำคัญมาเยือนบ้านเรา

ออฟฟิศรีวิวเชียงใหม่ที่ The Brick Space เช่าอยู่มาสองปี ถึงเวลาต้องย้ายออกไปตึกใหม่ของเราที่ ฟ้าธานีคาเฟ่ ตรงสามแยกฟ้าธานีเลยจ้า ว่างๆแวะไปอุดหนุนกันนะจ๊ะชั้นล่างเป็นร้านกาแฟและ co-working space จ้า

งานเยอะขั้นสุดตั้งแต่เช้ายันค่ำแถมออฟฟิศก็ยังไม่มีเพราะคืนเขาไปแล้ว ส่วนที่ใหม่ก็ยังไม่เสร็จ เลยต้องอาศัย CAMP เมญ่าเป็นศูนย์บัญชาการไปก่อน ช่วงนี้เจอพี่ได้ที่ CAMP

วันหยุดมีเวลาว่างนิดหน่อยพาลูกๆไปเที่ยวร้านกาแฟ ลูกชายหัดถ่ายรูปถ่ายคลิปตัดต่อวีดีโอ อนาคตบล็อกเกอร์ช่วยงานพ่อ

ลูกสาวคนเล็กชอบเล่นปีนป่ายห้อยโหน มีพลังเยอะต้องให้เธอได้ออกแรงบ่อยๆ

5 itong2go: 2019 ชีวิตตอนนี้ทำงานเยอะมากกกกกกกกก มีธุรกิจใหม่ที่ต้องรับผิดชอบทั้ง RDA และโต๊ะแชร์รีวิวเชียงใหม่ ทั้งมีตึกฟ้าธานีที่กำลังจะเปิด ทั้งโปรเจคบ...

บันทึกวันที่ 16.2.62

ชาวแก๊งค์บัวลอยคอยรัก ณ ชุมชนร่ำเปิง

ตื่นเช้ามาแบบอ่อนเพลียขั้นสุด หลายวันมานี้ทำงานหนักมากตื่นเช้ากลับดึกทุกวัน
ร่างกายมันเลยเอาคืน ขับรถไปส่งลูกแต่เช้ากลับมากินข้าวแล้วนอนตื่นบ่าย
อากาศเชียงใหม่ไม่ดีมากๆ ทุกทีเราไม่เป็นอะไร หนนี้เหมือนเป็นภูมิแพ้ น้ำมูกไหลตลอด
นี่แหละผลของการทำงานหนัก นอนน้อย แถมยังกินเหล้าเยอะ ก็ต้องชดใช้กันไป

งานทุกอย่างเร่งไปหมด
เรารีบจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว
รีบมันซะทุกเรื่อง
ต้องหยุด ต้องไปเที่ยว ต้องช้าลงบ้าง

อยากให้อะไรๆมันได้ดั่งใจ
รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก
แต่ก็อยากทำให้มันได้ 100%
เอาให้สุดเหยียดเอื้อมมือเรา

คิดเล่นๆว่าถ้าไม่ต้องทำงาน
คงจะเงียบเหงาว่างเปล่า
การไม่มีอะไรให้ทำ
คงจะแย่ที่สุดสำหรับเรา

ต้องเขียนแผนสำหรับปี 53-55
คงต้องทบทวนเป้าหมาย
กำหนด vision, mission กันอย่างจริงจัง
ให้จับต้องได้ไม่ล่องลอยมากไป

คิดออกละว่าทำไมเรารีบ
เพราะใจมันย้ำอยู่ตลอด
ว่าไม่รู้จะตายวันไหน
เลยต้องทำวันนี้ให้มันดีที่สุด

ระหว่างทางก็ต้องดูแลร่างกายให้ดี
balance ความสุขในชีวิต
ชีวิตไม่ได้มีแค่เรื่องงานอย่างเดียว
ความสุขระหว่างทางก็สำคัญไม่แพ้กัน
5 itong2go: 2019 ชาวแก๊งค์บัวลอยคอยรัก ณ ชุมชนร่ำเปิง ตื่นเช้ามาแบบอ่อนเพลียขั้นสุด หลายวันมานี้ทำงานหนักมากตื่นเช้ากลับดึกทุกวัน ร่างกายมันเลยเอาคืน ข...

บันทึกวันที่ 13.2.62

โอ๊ตๆๆ แก้งานให้พี่หน่อย
การฝึกงานที่รีวิวเชียงใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะคุณจะถูกปฏิบัติเช่นเดียวกับพนักงานทุกประการโดยไม่มีข้อยกเว้น (เหมือนพนักงานจริงๆนะเรามีเงินเดือนให้เด็กฝึกงานด้วย) โดน assign งานให้จริงๆไม่ใช่ให้ไปซื้อกาแฟถ่ายเอกสาร

อย่างน้องคนนี้ชื่อโอ๊ต ผู้ออกตัวแรงว่าไม่กินเหล้า(ที่ไม่ใส่น้ำแข็ง) เปรี้ยวมาแบบนี้โดนให้แก้คลิปไปไม่ต่ำกว่าสิบรอบ แก้จนคนแก้อยากจะร้องไห้เป็นภาษาต่างดาว ดึกดื่นมืดค่ำก็ยังไม่ได้กลับบ้านเพราะมันยังไม่เสร็จ ยังไม่เรียบร้อย เสียงเบาไปนิด ดังไปหน่อย ซับอ่านยาก แก้พื้นหลัง แหว่งไป pixel เดียวก็ต้องแก้

แต่เชื่อเถอะ พอผ่านบทเรียนโหดๆหินๆเขี้ยวลากดินพวกนี้ไปได้ คุณจะกลายเป็นเด็กฝึกงานชั้นยอดที่ใครๆก็อยากได้ตัวไปร่วมงานด้วย ต่างจากเพื่อนๆของคุณในรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน

ปล. รีวิวเชียงใหม่ยังรับสมัครเด็กฝึกงานอยู่เรื่อยๆนะจ๊ะ แต่เงื่อนไขเยอะชิบหาย แค่ด่านแรกก็ยากแล้ว แต่ถ้าหลุดเข้ามาได้เชื่อเถอะว่าคุณไม่ธรรมดาแล้วล่ะ😆🎉

ปล.สอง ใครเป็นคนคิดว่าเด็กฝึกงานต้องเป็นนักศึกษาเท่านั้น คนจบแล้วก็ฝึกงานได้นะ ใครที่ทำงานอะไรยังไม่เป็นมืออาชีพก็ควรต้องฝึกงานทั้งนั้นแหละ 

แล้วคำถามต่อไปก็คือว่าทำไมเราต้องจ่ายเงินเดือนแพงๆให้กับคนที่ยังทำงานไม่เป็นหรือยังต้องฝึกงานอยู่ ค่าปริญญา? ค่าวุฒิการศึกษา? มีปริญญาแล้วยังไง สู้รับคนทำงานเป็นแต่ไม่มีปริญญาไม่ดีกว่ารึ

......

เมื่อคืนเพิ่งได้เคยไปร้าน Good Bar แถวๆไอคอน โอ้โห สุดๆครับ งานดีจริงๆ มิน่าหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เต็มไปหมด โต๊ะเต็ม คนล้น

พออายุมากขึ้นผ่านเรื่องพวกนี้มาเยอะก็จะมองอีกมุม มองว่าอาชีพน้องๆพีจีพวกนี้ก็ใช่จะสบายนะ ต้องทำสวยตลอด ต้องพูดคุยชงเหล้าให้แขก ต้องแต่งตัว ต้องใส่ส้นสูง(มากกกก) แล้วก็ต้องยิ้มตลอดเวลา เป็นเราคงทำไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละอาชีพใครอาชีพมัน ให้เขามาทำงานแบบเราก็คงไม่ถนัด

ได้เห็นชีวิตของแม่คนนึงที่ไม่ดูแลลูกตัวเอง ทิ้งลูกน้อยให้คนอื่นดูแล แล้วตัวเองไปเที่ยวเฉยเลย
โดยพื้นฐานมนุษย์ทั่วไปน่าจะรักลูกของตัวเองนะ แต่ก็คงมีบางคนเป็นข้อยกเว้น
......

สองอาทิตย์มานี้มีแต่ประชุมแล้วก็ประชุม อยากให้งานคืบหน้าก็ต้องประชุม

ประชุมเยอะไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือการประชุมที่ไม่มีประสิทธิภาพ ยืดเยื้อ ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีข้อสรุป ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ต้องประชุม

ดีใจ พรุ่งนี้ไม่มีประชุม
.
.
แต่มีไปถ่ายงานตั้งแต่ 6.30 น.แทน....

5 itong2go: 2019 โอ๊ตๆๆ แก้งานให้พี่หน่อย การฝึกงานที่รีวิวเชียงใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะคุณจะถูกปฏิบัติเช่นเดียวกับพนักงานทุกประการโดยไม่มีข้อยกเว้...

บันทึกวันที่ 11.2.62

ทริปปั่นจักรยานกับลูกไปวัดพระธาตุจอมกิตติ ต.แม่แฝก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

ลบแอพเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ออกจากมือถือครบเจ็ดวัน วันแรกๆรู้สึกกระวนกระวาย มาถึงวันนี้เฉยๆไปแล้ว ส่วนมากเรื่องในเฟซเป็นเรื่องของคนอื่นที่เราไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ ส่วนในทวิตก็เป็นข้อมูลแบบ real-time ซึ่งเราไม่ต้องรีบรับรู้ขนาดนั้นก็ได้ ถ้ามันสำคัญมากจริงๆเดี๋ยวเราก็รู้เองแหละ

พอลบแอพแล้วมันก็มีอยากดูบ้าง ก็ต้องเข้าf^ผ่าน browser ซึ่งมันยุ่งยากเพราะต้องใส่รหัสทุกครั้ง ทำให้บ่อยๆเข้าเราจะถามตัวเองว่ากูจะยุ่งยากเข้ามาดูเพื่อ?? มันมีอะไรสำคัญกว่าเรื่องนี้มั้ย

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากลบแอพออกจากมือถือ


- อ่านหนังสือจบอีกหนึ่งเล่มภายในห้าวัน (หนาด้วยนะ)
- มีเวลาใส่ใจสิ่งต่างๆรอบตัวมากขึ้น ไม่ต้องคอยพะวงกับ notification
- มีเวลาทำกับข้าวให้ลูกกินมากขึ้น (ปกติไม่ได้ทำเลย)
- แบ็ตมือถือหมดช้าลงมาก ระหว่างวันแทบไม่ต้องชาร์จเลย
- เปิดคอมเยอะขึ้น เพราะถ้าอยากดูจริงๆต้องเปิดคอม (อาทิตย์ก่อนเรื่องการเมืองแซ่บมาก เปิดคอมนั่งส่องทั้งวัน รู้หมดใครเป็นใคร555)
- ลูกน้องไม่เชื่อว่าเราลบจริงๆ ขอร้องให้เราโหลดกลับมาเหมือนเดิม ไม่รู้ทำไม
- เราบอกเราไม่ได้หายไปไหน แค่ไม่ได้เช็คบ่อยๆ และงานของออฟฟิศเราก็ไม่ได้สื่อสารกันด้วยเฟซบุ๊ค
- คนรอบตัวก็งงๆว่าลบจริงหรอ เราบอกจริง แต่แอพ messenger ยังเอาไว้ ส่งข้อความหาได้ตลอด
- เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ได้เปิดคอมเลย เปิดเช้านี้มี notification จากเฟซบุ๊คสิบกว่าอัน
- ไม่มีอันไหนสำคัญมากๆสักอัน มีแต่แบบที่รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ได้
- ตอนนี้ฮิตอ่านหนังสือและก็ฟัง podcast ไปพร้อมๆกัน ยังงงๆแยกประสาทไม่ค่อยได้555

อาทิตย์ที่ผ่านมามีเรื่องราวเกิดขึ้นเยอะเลย ทั้งเพื่อนสมัยเรียนที่มาซื้อบ้านอยู่ใกล้กันก็ตายจากไปด้วยโรคมะเร็ง

คนเรามันจะมีอะไรแน่นอน บทจะไปก็ไปเลย ไม่ทันได้มีโอกาสร่ำลา

รู้สึกดีที่ตัวเองเลิกสูบบุหรี่ได้เป็นปีละ ชีวิตไม่แน่ไม่นอนอย่าไปซ้ำเติมมันเลย

ตอนนี้ปั่นจักรยานอาทิตย์ละครั้ง จะพยายามปั่นอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ท่องไว้ว่าทุกนาทีที่ปั่นคือทุกชั่วโมงที่ชีวิตยืดออกไป ถ้าไม่ตายด้วยเหตุอย่างอื่นไปก่อนนะ

พอเจออะไรสะเทือนใจเยอะๆก็คิดว่าอยากจดบันทึกความรู้สึก แบ่งปันประสบการณ์ฝากไว้บนโลกนี้
5 itong2go: 2019 ทริปปั่นจักรยานกับลูกไปวัดพระธาตุจอมกิตติ ต.แม่แฝก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ลบแอพเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ออกจากมือถือครบเจ็ดวัน วันแรกๆรู้...

สรุปอย่างย่อเรื่องราวชีวิตปี 2018 ของพ่อลูกสามในวัยแตะ 40 ปี

ไม่เข้าใจทำไมชอบมาสรุปชีวิตกันตอนสิ้นปีต้นปี ทำไมไม่สรุปกลางปีมั่ง

เรื่องงาน

- ทำงานหลายอย่างหลายโปรเจค หลักๆคือทำรีวิวเชียงใหม่, Gomew Homestay, Pong Noi Homestay และที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ Fahthanee Cafe ตรงสามแยกฟ้าธานี

- ตั้งเป้าให้รีวิวเชียงใหม่ เป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วยที่สุดในภาคเหนือ ทั้งในแง่สถานที่ทำงาน เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน สวัสดิการและเงินเดือน ลดอัตรา Turnover rate เน้นการเฟ้นหาทีมงานใหม่ที่มีศักยภาพมาร่วมทีมและเสริมทักษะให้ทีมงานเดิมแบบก้าวกระโดด

- ในออฟฟิศแบ่งออกเป็นหลายทีม โดยปีนี้มีการกำหนดเป้าหมาย OKR ใหม่จากเดิมเน้นแต่ที่เชียงใหม่ ขยายไปสู่การทำงานระดับประเทศ และต่างประเทศ ในออฟฟิศมีการจัด English Class และ Fri-Rang Day (Friday+Farang) ทุกวันศุกร์จะห้ามพูดไทย ห้ามพิมพ์ไทย

- ส่วนธุรกิจ Homestay ก็ได้หุ้นส่วนมาช่วยจัดการดำเนินการให้ ทำให้มีเวลาไปพัฒนาโปรเจคอื่นๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกเยอะ

- ต้นปี 2019 นี้ออฟฟิศจะย้ายไปอยู่ตึกของเราเองที่ฟ้าธานีเพื่อรองรับการขยายตัวของทีมงานที่เพิ่มขึ้น และน่าจะไปแตะ 20 คนภายในปี 2019

- ปีนี้ได้บรรยายในงานสัมมนาหลายครั้ง ทั้งงานที่เขาเชิญไปพูด (บางงานได้ค่าตัวเยอะเว่อร์) ทั้งงานที่ออฟฟิศเราจัดเอง ปีนี้ก็พูดไปสี่ห้าครั้งแล้ว ส่วนปีหน้าจะมีกิจกรรม Offline+Online เยอะกว่าปีนี้อีก ทั้งที่เขาเชิญ ทั้งที่จัดเอง และที่จัดร่วมกับ Partners ต่างๆด้วย

- เกือบลืม มีอีกเรื่องคือที่โดนลูกน้องโกงเงินไปร่วมสามแสน (ตอนหลังได้คืนแล้วแต่ยังไม่หมดเรื่องยังอยู่ที่โรงพัก) วิธีการคือ แจ้งลูกค้าให้โอนเงินเข้าบัญชีตัวเองบ้าง เก็บเงินสดลูกค้าแล้วไม่ส่งให้บริษัทบ้าง ทำจากน้อยๆจนพอกพูนขึ้นชดใช้ไม่ไหวความแตกกระจาย โดนไล่ออกกันไปตามระเบียบ

- มีอีกเรื่องของลูกน้องคนนึง คนนี้ด้วยความเห็นใจเราเชิญออกดีๆไม่ได้ไล่ออก คนนี้ไม่ได้โกงเงินแต่โกงเวลาและทรัพยากรของบริษัท คือมาทำงานไปถ่ายงานกับทีมแล้วเธอก็ถ่ายรูปไว้ด้วยมือถือแล้วเอาข้อมูลที่ได้ไปโพสลงเพจตัวเอง (ค่าใช้จ่ายทั้งหมดบริษัทเป็นคนจ่าย) เราบอกว่าเฮ้ยแบบนี้ไม่โอเค เธอก็บอกว่างั้นหนูก็ไม่โอเค ก็แยกย้ายกันไป ขอให้โชคดีจ่ะหนู
ออฟฟิศรีวิวเชียงใหม่ แหล่งรวมคนผีบ้าผีบอ สำหรับเราถือว่าทีมนี้เป็น Super Group เลยทีเดียว

เรื่องเงิน

- เนื่องจากทำงานหลายอย่างก็เลยทำให้มีรายได้หลายทาง ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีทำให้มีเงินเพียงพอเลี้ยงดูครอบครัวและลูกๆทั้งสามคน มีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นทั้งหมด

- ไม่มีหนี้สินส่วนตัวใดๆ ยกเว้นหนี้ทั่วๆไป เช่น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ บัตรเครดิตมีใบเดียวและปิดยอดหมดทุกเดือนไม่จ่ายขั้นต่ำ ทำให้ไม่มีภาระดอกเบี้ยให้แบกรับมากนัก

- พยายามเก็บเงินทุกเดือน มากบ้างน้อยบ้างโดยเอาเงินส่วนนี้ไปลงทุนในหุ้นปันผล และกองทุนที่เน้นปันผล ลดจำนวนหุ้นในพอร์ทลงเหลือแค่สามตัว ส่วนกองทุนก็ถืออยู่สามกองทุน เมื่อได้ปันผลจะวนเอาเงินกลับมาซื้อเพิ่มอีก ตั้งเป้า Financial Freedom ในอีกห้าปีข้างหน้า (อายุ 45 ปี)

ชีวิตครอบครัว

- ปีนี้ลูกโตแล้ว ลูกชายเริ่มเป็นสิวและเสียงแตกชัดเจน ลูกสาวตัวโตตัวสูงเหมือนผู้ใหญ่ มีห้องส่วนตัวเริ่มมีโลกส่วนตัว แต่ก็ยังพูดคุยสนิทกับพ่อแม่เหมือนเดิม ส่วนตัวเล็กยังอนุบาลอยู่แต่ก็เริ่มพูดเก่งและจดจำที่พี่ๆและพ่อแม่พูดได้ทั้งหมด

- สองปีมานี้ลูกไม่ค่อยได้เรียนภาษาอังกฤษ ทำให้ทักษะด้านภาษาดรอปลงไปเยอะ กำลังหาทางให้ลูกได้เรียนพิเศษ เพราะตั้งเป้าว่าพอจบม.6 เราจะส่งออกลูกไปต่างประเทศทั้งหมด

- ชีวิตคู่กับพี่มิวก็สงบสุขดีไม่มีปัญหาใดๆ ถ้าจะมีบ้างก็เป็นเรื่องงานที่ถกเถียงไม่ลงรอยกันแต่ไม่นานก็หาย ตลกดีตรงที่เราได้เรียนรู้ว่าส่วนมากที่คนเราทะเลาะกัน จะฆ่ากันตาย มักจะมีสาเหตุมาจากเรื่องเล็กน้อยทั้งสิ้น ถ้าเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ชีวิตคู่ก็ได้ไปต่อ อ้อ อ่านในเน็ตมาสัมภาษณ์เร์ แม็คโดนัล เขาบอกว่า สิ่งสำคัญสำหรับชีวิตคู่ไม่ใช่ความโรแมนติคหรอก แต่มันคือ "เสียงหัวเราะ" ต่างหากล่ะ
เจ๊มิวหัวเราะสามีตลอดๆ บ้าๆบอๆก็ทำให้อยู่กันยืดยาวนะ ซีเรียสมากๆไม่น่าจะไปกันรอด


ชีวิตส่วนตัว

- เอาจริงๆนะชีวิตหลังๆมานี้ตั้งแต่มีลูกก็สะกดคำว่าชีวิตส่วนตัวไม่เป็นแล้ว ยิ่งลูกโตขึ้นก็ยิ่งเรียกร้องเวลามากขึ้น ถ้าเราไม่ให้เวลากับเขาๆก็จะไปใช้เวลากับอย่างอื่น

- ถ้าจะพอมีเวลาส่วนตัวอยู่บ้าง ก็จะมีแค่ตอนไปปั่นจักรยาน กับช่วงเวลาที่นั่งอ่านหนังสือ นอกนั้นก็เป็นเวลาที่ใช้ร่วมกับคนอื่นทั้งหมด อ้อ เวลานอนก็นับเป็นส่วนตัวได้เนอะ นอนวันละ 5-6 ชั่วโมงต่อวันฮะ

- หนังสือที่ชอบมากของปีนี้คือ Sapiens เป็นหนังสือว่าด้วยประวัติย่อของมนุษยชาติ รู้ตัวว่าหลังๆมานี้ชอบอ่านหนังสือแนวประวัติศาสตร์มากขึ้น มันทำให้เรารู้ลึกรู้จริงไม่ผิวเผิน

- ถ้าจะมีชีวิตส่วนตัวอีก ก็คงเป็นตอนที่ไปนั่งทำงานคนเดียวที่เมญ่าหรือตามร้านกาแฟ ที่จริงจะว่าส่วนตัวก็ไม่ถูกนัก เพราะก็ยังออนไลน์ติดต่อกับทีมงานอยู่ตลอดเวลาอยู่ดี
ปั่นจักรยานจนแขนดำหน้าดำหมดเลย555

สุขภาพ

- ปี 2018 ปั่นจักรยานน้อยกว่าปี 2017 มากโดยเฉพาะถ้านับระยะทาง แต่ปี 2018 กลับเป็นปีที่ปั่นแบบมีคุณภาพมากขึ้น คือปั่นแบบรู้เนื้อรู้ตัว ปั่นแบบวางแผนมากขึ้น

- ปีนี้เน้นกินอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้นกว่าปีก่อน ส่วนใหญ่จะเน้นกินผักมากกว่าเนื้อและแป้ง ได้ทดลองกินคีโตอยู่ประมาณเดือนกว่าก็ทนไม่ไหว ร่างกายมันมึนๆแปลกๆก็เลยต้องกลับมากินแบบเดิม และค้นพบว่าคีโตไม่ได้เหมาะกับทุกคน

- ปีนี้ก็ยังกินเหล้าเยอะเหมือนเดิม แต่ไม่หนักเท่าเดิม กล่าวคือกินเยอะแต่ไม่แย่ไม่โทรมไม่ละมุดเท่าไหร่ ถึงเวลาก็เข้าไปนอน และก็เลือกกินเฉพาะเหล้าที่ซื้อจาก 7-11, Lotus, Tops, BigC เท่านั้นไม่กินเหล้าจากร้านขายส่ง พบว่าช่วยได้มากเพราะแทบจะไม่เจอเหล้าปลอมเลย

อนาคต

- มีการวางแผนงานล่วงหน้าของปี 2019 ไปเรียบร้อยแล้ว และกำลังวางแผนไปถึงปี 2022 คาดว่าในเรื่องงานจะได้พบกับเรื่องน่าตื่นเต้นและแปลกใหม่อีกเยอะเลย ไม่เฉพาะชาวเชียงใหม่แต่หมายถึงทั้งประเทศไทยกันเลย

- รู้สึกว่าคนสมัยนี้มองอะไรสั้นๆกันเกินไป ใช้ชีวิตไปวันๆ ยิ่งนานวัน (แก่ขึ้น) เรายิ่งรู้แน่ชัดว่าเราต้องการอะไร และยิ่งรู้สึกแปลกแยกมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับการใช้ชีวิตในประเทศนี้ คงไม่แปลกที่จะพูดว่าอนาคตเราคงใช้ชีวิตแบบ Digital Nomad 100% อย่างแน่นอน เราขอเลือกเป็นพลเมืองของโลกมากกว่าจะเป็นของประเทศใดประเทศหนึ่ง

- อนาคตเมืองเชียงใหม่ก็คงจะดีขึ้นเจริญขึ้นทันสมัยมากขึ้น แลกมาด้วยกับการรถติดมากขึ้นเพราะเมืองขยายตัวไม่ทันผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามา คนเมืองที่ยังต๊ะต่อนยอนจะอยู่อย่างลำบากทั้งการเดินทางและค่าครองชีพ ร้านเหล้าจะขายดีกว่าเดิม อุบัติเหตุร้ายแรงจะมากขึ้น คนที่รู้เนื้อรู้ตัวและอยู่เป็นถึงจะอยู่ในเมืองนี้ได้อย่างปกติสุข

- ปีนี้ไม่ค่อยได้ไปโบสถ์สักเท่าไหร่ ส่วนนึงเพราะลูกเริ่มโตเราไม่อยากบังคับถ้าเขาไม่อยากไป แต่พอเขาอยู่บ้านเราก็ต้องอยู่ด้วย ก็อาศัยเปิดยูทูปฟังเอา และก็เริ่มเบื่อผู้คนที่มองว่าคนที่ไปโบสถ์เป็นพวกบ้าศาสนางมงาย คือเราเนี่ยไปเพราะเราอยากจะไปเอง ไม่มีใครบังคับใดๆ และไม่รู้สึกผิดอะไรเลยถ้าไม่ไปโบสถ์ แต่ที่ไปเพราะชอบไปฟังคำสอน มันสนุกดี มันใช้ได้จริง มันมีประโยชน์ก็เท่านั้นเอง ถ้าพูดมาถึงขนาดนี้ก็นับว่าเป็นคนไม่มีศาสนายังจะถูกต้องซะกว่า เพราะเราไม่ถือกฎเกณฑ์ข้อบังคับใดๆเลย ไม่มีผลใดๆกับเราทั้งสิ้น เราก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ Homo Sapiens คนนึงเท่านั้นเอง

- ปีหน้าจะมาสรุปให้ฟังใหม่นะ ปีนี้ดูเป็นทางการยังไงไม่รู้ ปีหน้าจะเขียนให้สนุกกว่านี้นะ พี่สัญญา555
5 itong2go: 2019 ไม่เข้าใจทำไมชอบมาสรุปชีวิตกันตอนสิ้นปีต้นปี ทำไมไม่สรุปกลางปีมั่ง เรื่องงาน - ทำงานหลายอย่างหลายโปรเจค หลักๆคือทำรีวิวเชียงใหม่, Gom...

Facebook Comments

Recommended Post

เฮียโก บรรยายให้น้องๆมช.ฟังเรื่องการเริ่มต้นธุรกิจทำ content ออนไลน์

 บรรยายผ่าน zoom ครับ ก็จะแห้งๆนิดนึงแต่ก็ได้เนื้อหาอีกแบบนึงอยู่นะ เปิดฟังเองอีกรอบนึงก็สนุกดี พูดตะกุกตะกักไปหน่อย