Pages

เกมเศรษฐี ทางเลือกการใช้เวลาว่างที่ดีสำหรับเด็ก

เกมเศรษฐีโดราเอม่อน ราคา 90 บาท ซื้อจากโลตัส เอ็กซ์เพรส
เคยเล่นเกมเศรษฐีกันมั้ยครับ ผู้อ่านเรื่องนี้น่าจะเคยเล่นกันทุกคน นี่หมายถึงเกมเศรษฐีแบบสมัยก่อนที่ใช้กระดาษ ไม่ใช่แบบสมัยนี้ที่อยู่ในจอคอม จอมือถือ อันนี้ไม่นับมันไม่คลาสสิค


เราเองตอนเป็นเด็กก็ชอบเล่นเหมือนกัน จำได้ว่าเล่นกันสี่คน เราไม่เคยได้ที่บ๊วยเลย นั่นคงปลูกฝังสัญชาตญาณการเอาตัวรอดมาตั้งแต่ตอนนั้น เอาเท่าที่จำได้ว่าได้อะไรจากเกมเศรษฐีบ้าง

1. ลงทุนเพื่อสร้างรายได้ - มีโอกาสต้องลงทุนไว้ก่อน สร้างบ้านหลังเล็กๆก็ได้หากคุณยังไม่มีทุนสร้างโรงแรมใหญ่ๆ

2. ชีวิตไม่แน่นอน - บางรอบเล่นยังไงก็ซวย เดี๋ยวต้องจ่ายนั่นจ่ายนี่ กลับไปจุดเริ่มต้นบ้าง กว่าจะฮึดตามกลับมาทันต้องใช้ความพยายามอยู่ไม่น้อย ห้ามท้อถอยเด็ดขาด

3. เงินสดสำคัญเสมอ - มีโอกาสลงทุนแล้วดันไม่มีเงินสด ไม่รู้ว่าโอกาสครั้งหน้าจะมาอีกเมื่อไหร่ เตรียมตัวให้พร้อมไว้ดีที่สุด

4. ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ - ถ้ามองว่าดีกว่าเอาเวลาไปเล่นเกมส์กดนะ เกมนี้มันต้องสื่อสารกับเพื่อนร่วมวง ต้องคิดคำนวณ ต้องวางแผน เป็นการใช้เวลาฝึกสมองที่ไม่เลวเลยทีเดียว

คุณพ่อคุณแม่อาจนั่งเล่นร่วมกับลูกๆบ้าง เพื่อช่วยสอนเขา หากท่านสนใจเกมนี้ ผมซื้อมาจากโลตัส ตรงปั๊มเอสโซ่ก่อนถึงศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ราคา 90 บาทเท่านั้น คุ้มค่าครับ

สรุปสิ่งที่ได้จากงานสัมมนา Digital Marketing for SME @ Chiang Mai

ถ้าใช้คำว่า ความเคยชิน น่าจะเข้าใจง่ายกว่านี้
วันนี้ไปสัมมนามาอีกแล้ว เป็นสัมมนาฟรีจัดโดย ReadyPlanet มีคุณบุรินทร์ เกล็ดมณี COO ของบริษัทมาเป็นผู้บรรยาย ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อย มีขายของบ้างประปรายอันนี้ไม่ว่ากัน

ก่อนจะได้เข้าร่วมงานนี้สับสนมาก เราจองไป เขาโทรมาบอกว่าที่เต็ม เราก็โอเค สักพักโทรมาอีกบอกที่ว่างแล้ว เราก็โอเค สักพักโทรมาอีกบอกที่ว่างแล้วนะคะ (คนเดิมทุกครั้ง) คือจะอะไรกันเนี่ย เอาสักอย่างรู้แล้วว่าว่าง จะไปครับๆโทรย้ำหลายครั้งมาก แต่ไม่มีเมล confirm

ภาพรวมงานคุณบุรินทร์บรรยายได้ดี เข้าใจง่าย เหมาะกับมือใหม่ที่กำลังมองหาอาชีพที่เน้นใช้สื่อออนไลน์เป็นหลัก หลายคนถามคำถามได้โลกแตกมาก เช่น จะขายอะไรดี หรือ ที่เชียงใหม่อะไรขายดี เฮ้ย มันงานตลาดนัดอาชีพป่าววะเนี่ย ต่อให้เขารู้จริงก็ไม่มีใครบอกคุณหรอกครับ อารมณ์เหมือนถามว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นยังไงยังงั้น ซึ่งผู้บรรยายก็ตอบเลี่ยงๆได้ดี

สำหรับมืออาชีพในสายงานนี้ การสัมมนานี้ก็เป็นการทบทวนความรู้ ทบทวนจุดบกพร่องของตัวเอง บางอย่างที่ลืมทำหรือไม่ได้ใส่ใจ ก็ถูกหยิบมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง

มาดูกันว่าเราได้อะไรบ้างจากงานนี้ ถัดจากตัวหนังสือจะเป็นรูปภาพเลยนะ

- จากสถิติคนไทยใช้อินเตอร์เน็ต 35 ล้านคน ในจำนวนนี้ 30 ล้านคนใช้งาน Facebook

- ในอนาคตอันใกล้นี้ระบบชำระเงินและการจัดส่งสินค้า (Payment and Delivery) จะมีความสำคัญมาก

- E-mail Marketing มีความสำคัญ อย่ามองข้าม คนยังใช้อีเมล์กันอยู่และยังจะใช้ต่อไปอีกนาน
ในแถบ SEA จำนวนมือถือมีมากกว่าจำนวนประชากร (คนนึงมีมากกว่าหนึ่งเครื่อง) รวมทั้งประเทศไทยด้วยเช่นกัน

eCommerce ในแถบ SEA ยังมีมูลค่าน้อยมากเพียง 0.2% ของการซื้อขายทั้งหมด

ในประเทศไทยมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ต 31.2 ล้านคน มีเพียง 0.2% เท่านั้นที่ซื้อของออนไลน์

ในอนาคตงบโฆษณาจะถูกเทมายังสื่อดิจิตอลจำนวนมหาศาล

ผู้คนใช้เวลากับหน้าจอมือถือมากขึ้นเรื่อยๆ แต่งบโฆษณายังโตตามไม่ทัน มีช่องว่างอีกมาก

Internet of Things กำลังจะมา จะทำให้ทุกอุปกรณ์สามารถสื่อสารกันได้หมด

Omni Channel คือการที่สื่อต่างๆเชื่อมต่อกัน โคจรอยู่รอบตัวผู้ใช้งาน

7 ขั้นตอนของการทำ Digital Marketing

ทำเว็บไซต์ต้องให้คนเข้าถึงได้ง่าย เว็บต้อง Responsive ต้อง Mobile Friendly การใช้งานไม่ยุ่งยาก

เว็บบางประเภทต้องการความน่าเชื่อถือ ต้องออกแบบให้เหมาะสมกับองค์กรนั้นๆ

ยุคนี้ใช้ Content ในการทำ Marketing กันแล้วไม่เหมือนในยุคก่อน ตัวอย่างเช่นงานสัมมนาครั้งนี้

แนวทางไอเดียการหาเรื่องที่จะมาทำ Content

ช่องทางต่างๆในการทำ Digital Marketing ควรมีให้ครบจบกระบวนความและต้องอัพเดทตลอดด้วย

E-mail Marketing อาวุธสำคัญที่ถูกมองข้ามไป

แต่ต้องระมัดระวังการใช้ E-mail Marketing ให้ดี อย่าให้ผู้ใช้รำคาญ ควรเปิดช่องให้เขา unsubscribe ได้ง่ายๆ

ก๋วยเตี๋ยวสามบาท ฟาดเรียบทั้งหมูสะเต๊ะและข้าวซอย

ถ้วยละสามบาท ปริมาณตามภาพ ได้ลูกชิ้นสองลูก น้ำซุปขลุกขลิก
หมูสะเต๊ะเริ่มต้นชุดละ 30 บาท ได้สิบไม้พร้อมน้ำจิ้มและอาจาด
ถ่ายข้าวซอยไม่ทันได้แต่ก๋วยเตี๋ยว

เขียนเรื่องเบาๆกันบ้าง ร้านก๋วยเตี๋ยวสามบาท ใครอยู่เชียงใหม่คงต้องเคยไปกันแล้วเป็นแน่แท้ คนกรุงเทพอ่านแล้วเป็นต้องอยากมาลอง เพราะมันช่างสวนทางกับค่าครองชีพสมัยนี้อย่างแรง ทำไมถึงยังขายได้ถ้วยละสามบาท อยากจะจ่ายสามสิบบาทต้องกินถึงสิบถ้วย!

 เจ้าของร้านคือคุณยายปรียานุช คนที่นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะเก็บเงินนั่นแหละ เวลาสั่งให้เขียนใส่กระดาษที่วางบนโต๊ะแล้วเอาไปยื่นหรือส่งให้เด็กเสิร์ฟ 

- ก๋วยเตี๋ยว 3 บาท
- ข้าวซอย 25 บาท (เมื่อก่อน 15 บาทและก็ขึ้นมาเรื่อยๆ ได้ถ้วยใหญ่กว่าก๋วยเตี๋ยวนะครับ)

เวลาจะจ่ายเงิน ก็นับถ้วยของโต๊ะตัวเองว่ามีก๋วยเตี๋ยวกี่ถ้วย ข้าวซอยกี่ถ้วย แล้วเดินไปจ่ายเงินที่คุณยายวรนุช เอ๊ย ปรียานุชที่นั่งสวยแป้นแล้น แม้จะอายุมากแล้วแล้วแต่ก็ยังคิดเงินได้คล่องแคล่ว คงเพราะได้บริหารสมองทุกวันเป็นแน่แท้

หมูสะเต๊ะเป็นของร้านอื่นที่มาเช่าที่ขาย ราคามีชุดละ 30 40 50 บาทตามแต่จะเลือก รสชาติก็ปกติไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่อารมณ์นี้คือเราอยากจะกินอะไรอย่างอื่นนอกจากที่มันเป็นเส้นๆบ้าง ก็สั่งมากินได้ไม่เสียหายอะไร

ใครยังไม่เคยควรจะไปลอง ใครอยากย้อนอดีตควรไปลองอีกทีเช่นกัน

พิกัด : หลัง รร.ปรินส์รอยแยลฯ ถ. รัตนโกสินทร์ ซอย 1  ต.วัดเกต อ.เชียงใหม่ เชียงใหม่
เบอร์โทร: 084-040-3794
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 08:00 – 17:30 น.

แผนที่ร้านก๋วยเตี๋ยวสามบาท